line

ประสบการณ์ส่วนตัว

ถ้าจะให้เมืองไทยมี “สมาร์ทซิตี้” หรือเมืองอัจฉริยะ เราต้องมี
“สมาร์ทพีเพิ้ล” (คนสุขภาพดีของสังคม)  ก่อน.

เกาต์เปลี่ยนชีวิตผม

ผมไม่คิดว่าจะเป็นเกาต์มาก่อน คิดว่าดูแลตัวเองดีแล้ว

ไม่เคยรู้จักโรคเกาต์อย่างลึกซึ้ง

ปวดเกาต์กำเริบ

หลังกลับเป็นปกติ

จากคนทำงานออฟฟิศมากว่า 18 ปี ก้าวสู่การเป็นผู้บริหาร จนคิดว่าถึงเวลาที่จะทำตามความฝันของตัวเราเองด้วยการออกมาทำธุรกิจส่วนตัว แต่กลับต้องมาเป็นโรคเกาต์ ทำให้ไปตามความฝันไม่ได้ เพราะการเป็นโรคเกาต์ ทำให้เราไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ แม้แต่จะไปเข้าห้องน้ำก็กลายเป็นเรื่องยาก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการยืนขึ้นและเดิน ลืมไปได้เลย ขยับเพียงนิดเดียว อาการเจ็บปวดทรมานนั้นมันแสนสาหัสอย่างแท้จริง

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำให้ความฝันเป็นจริง จึงตัดสินใจจะต้องสู้กับโรคเสื่อมและเอาชนะให้ได้

ถึงแม้จะไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลแล้วก็ตาม การทานยาก็อาจมีผลข้างเคียงต่อไต และผลของการรักษาก็ต้องใช้เวลาเนิ่นนาน เพราะอาจจะต้องทานยาอย่างนี้ตลอดไป

ด้วยการที่รู้จักและเข้าใจการใช้สารอาหารแบบเจลอยู่แล้ว จึงเลือกวิธีการใช้สารอาหารบำบัดเข้ามาช่วยในการฟื้นฟู จนอาการปวดหายไป และปริมาณกรดยูริคในร่างกาย ลดลงสู่สภาพวะปกติภายช่วงเวลาเพียง 2 เดือน เท่านั้น

เรียนรู้เพื่อเป็นกูรู.

หลังจากอาการหายดีเป็นปกติ ทำให้ผมคิดถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้ค้นคว้ามาจนกลายเป็นกูรูผู้เชี่ยวชาญ จึงอยากจะแบ่งปันสิ่งดีอันล้ำค่า และความเข้าใจในการทนทรมานของคนที่เป็นโรคเกาต์ว่าเป็นอย่างไร

เพื่อให้คนไทยได้เป็น สมาร์ทพีเพิ้ล คนสุขภาพดีของสังคม เพื่อไปช่วยกันทำให้เมืองไทยเป็น สมาร์ทซิตี้ ต่อไป

“เมื่อเราให้แสงสว่างแห่งความสุขจะฉายไปที่คนที่ได้รับ แล้วแสงสว่างจากคนที่ได้รับเหล่านั้น ก็จะฉายกลับมาที่ตัวเรา” กลายเป็นความสุขและความปลื้มปิติแห่งการให้ด้วยใจยินดี ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในความฝันที่ทำให้เป็นจริงได้ ผมเชื่ออย่างนั้น

แสวงหาแนวคิดใหม่เสมอเพื่อคุณ

ถ้าคุณได้ผู้เชี่ยวชาญเป็นที่ปรึกษา อีกทั้งยังเคยประสบกับความเจ็บปวดของโรคเกาต์ด้วยตัวเอง ผมว่าผมเข้าใจความรู้สึกได้ดีกว่ากันมาก ไม่จำเป็นต้องไปค้นหาใครที่ไหนอีก ผมพร้อมยินดีให้คำปรึกษา